Suppasu diary/blog

Social Movi and Me

BarCamp Songkhla

Posted by suppasu on July 1, 2008

งาน BarCampSongkla ถือเป็นครั้งแรกที่ผมละมือจากการเป็นฝ่ายเทคนิค มากลายเป็นแนวหน้าในการมีส่วนร่วมจัดงานอย่างจริงจัง หลังจากประสานงาน, รวบรวมทีมงานมาได้ วันเสาร์ 28 มิถุนายน ก็ได้ฤกษ์จัดงาน ซึ่งถือเป็นงาน BarCamp ครั้งแรกของจังหวัดสงขลาและของภาคใต้

เพื่อความสะดวกในการจัดการ งานนี้เราเลยจัดทำเว็บไซต์ที่ชื่อ barcampsongkhla.org ซึ่งจัดขึ้นที่ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

จากหน้าลงทะเบียน มีคนลงทะเบียนทั้งสิ้น 95 คน แต่ในวันจริงมีคนมาประมาณ 50 คน ซึ่งรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะคนหายไปเกือบครึ่ง แต่พอมาเปิดบันทึกตอนประชุมเตรียมงานในช่วงแรกๆ ก็พบว่าเกินเป้าเล็กน้อย เนื่องจากตอนแรกๆ ตั้งเป้าไว้ที่ 40 คนเท่านั้น


เนื่องจากคนที่หายไปกว่าครึ่ง ทำให้หัวข้อที่จะพูดหายตามไปด้วย ห้องที่เตรียมไว้ 2 ห้อง ก็ถูกยุบรวมเพียงห้องเดียว การโหวตเลือกหัวข้อที่ต้องการฟัง ก็ต้องปรับเปลี่ยนมาเป็นโหวตหัวข้อที่จะพูดก่อนพูดหลังแทน (มีหัวข้อหลักที่พูดในงานทั้งหมด 10 หัวข้อ) แต่ที่น่าดีใจก็คือ ไม่เพียงแต่มีหัวข้อใหญ่ๆ ตามที่ลงชื่อไว้เท่านั้น แต่มีคนพูดในหัวข้อย่อยๆ ซึ่งแตกหรือต่อเนื่องมาจากหัวข้อใหญ่ๆ เสริมขึ้นมา ทำให้เกิดประเด็นที่จะพูดขึ้นมาอีก เพราะฉะนั้นเวลาสำหรับแต่ละคนจึงแทบไร้ความหมาย เพราะเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนที่ต่อเนื่องกัน ซึ่งตรงกับคอนเซปท์ที่ว่า “อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด” หัวข้อในงานมันไหลไปเรื่อยๆ จริงๆ

สำหรับในช่วงบ่าย บรรยากาศค่อนข้างจะเงียบเหงากว่าในตอนเช้า เนื่องจากหลายคนต้องเตรียมตัวเดินทางไปงาน WUNCA (กลุ่มคนที่มาหลายคนคลุกคลีอยู่กับ Opensource ใน ม.อ.) แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรมากมาย

ถึงแม้คนจะไม่เยอะเท่ากับ BarCamp ของที่อื่นๆ แต่บรรยากาศก็ไม่น่าจะด้อยไปกว่ากันเท่าไหร่นัก เป้าหมายหลักในงานนี้คือต้องการให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์เท่านั้น และเป้าหมายรองคือการ เผยแพร่ event ในลักษณะนี้ให้แก่คนในพื้นที่มากขึ้น ซึ่งผมพบว่าเป้าหมายทั้งสองอย่างที่ตั้งไว้ ค่อนข้างประสบความสำเร็จในระดับหนึ่้ง ซึ่งถือเป็นการปูทางให้กับงาน #2 BarCampSongkhla ซึ่งวางแผนจะจัดขึ้นในปีนี้ (ยังไม่กำหนดแน่นอน)

หลังเลิกงาน ตัวผมและ staff ได้พูดคุยสรุปถึงข้อผิดพลาดของการจัดงานในครั้งนี้ และพูดคุยถึงทิศทางในอนาคตของงาน BarCamp ครั้งถัดไป นอกจา #2 BarCampSongkhla ที่น่าจะจัดได้ในปลายปีนี้แล้ว ในปีถัดๆ ไป เราอาจจะมี SciBarCamp  หรือแม้แต่กระทั่ง HealthCamp เป็นครั้งแรกของประเทศก็ได้ ใครจะไปรู้

รูป staff (เรียงจากซ้ายไปขวา) @chobi_nizzy, aum, dreamcatcher soulless,@suppasu, @win_chayin, @lineer, @golfastro และพี่มะปราง@learner เป็นคนถ่ายรูป

และสุดท้ายนี้ต้องขอบคุณ อาจารย์ทุกท่าน ที่คอยช่วยแนะนำด้วยครับ

ป.ล. แก้ชื่อตามที่ Chobitz_nizzy บอกมาครับ

Posted in Dialy/blog | Tagged: , , , , | 3 Comments »

nerd test 2

Posted by suppasu on June 22, 2008


NerdTests.com says I'm a Dorky Nerd King. What are you? Click here!

เห็นเล่นกัน เลยเอามั่ง

อยู่สายคอมแท้ๆ คะแนนดันไปพุ่งที่ประวัติศาสตร์กับวิทยาศาสตร์ได้ไงฟะ -*-

Posted in Dialy/blog | Tagged: , , | 1 Comment »

What Punctuation Mark Are You?

Posted by suppasu on May 29, 2008


You Are a Colon


You are very orderly and fact driven.
You aren’t concerned much with theories or dreams… only what’s true or untrue.

You are brilliant and incredibly learned. Anything you know is well researched.
You like to make lists and sort through things step by step. You aren’t subject to whim or emotions.

Your friends see you as a constant source of knowledge and advice.
(But they are a little sick of you being right all of the time!)

You excel in: Leadership positions

You get along best with: The Semi-Colon

Posted in Dialy/blog | Tagged: | Leave a Comment »

เดินเป็นคู่

Posted by suppasu on May 18, 2008

ใครอ่านหัวข้อบล็อก แล้วคิดว่าผมกำลังอยู่ในอารมณ์อกหัก…….คุณกำลังคิดผิด

ใครอ่านหัวข้อบล็อก แล้วคิดว่าผมเป็นพวกหัวโบราณ……………คุณกำลังคิดผิืิด

ใครอ่านหัวข้อบล็อก แล้วคิดว่าผมองุ่นเปรี้ยว…………………….คุณก็กำลังคิดผิดอีกเหมือนกัน

เพราะจริงๆ แล้ว ผมกำลังจะมาบ่นคร้าบบบบบบบบบบ

เข้าเรื่องเลยดีกว่า…..

เคยมั้ย เวลาเดินขึ้นบันได มักเจอคนเดินเป็นคู่ กีดขวางทางจราจรอยู่

เคยมั้ย เวลาเดินไปในที่แคบๆ (อย่างเช่นในกิมหยง) มักเจอคนเดินเป็นคู่ กีดขวางทางจราจรอยู่

ไม่มีไรมากครับ แค่ผมอยากจะบอกว่า ผมเบื่อพฤติกรรมอย่างนี้มากเลย….

ไม่ใช่ว่าผมไร้ืคู่ แล้วจะไปอิจฉาคนมีคู่นะครับ

แต่ ผมเห็นหลายคน เดินจูงมือกันสองคน เหมือนกับว่า โลกนี้มีแต่ฉันกับเธอ ยืนเคียงข้างกัน ไม่มีวันพรากจากกันไปไหน (เริ่มเน่า)

โอเค คนเราก็ต้องมีหวานกันบ้าง ผมไม่ว่า และพยายามทำใจ

แต่เหตุการณ์ครั้งล่าสุดนี่สิ ทำให้ผมเคืองมากเลย เหตุการณ์มีดังนี้ครัับ :

ผม : ขอทางหน่อยได้มั้ยครับ

ช และ ญ เดินจูงมือกันอยู่ : ครับ, ค่ะ

เมื่อผมเดินไปพ้นระยะ ดันได้ยินเสียงบ่น

ช : มันจะรีบเดินไป (ตาย 5) ที่ไหนวะ

กำ….ผมดันหูดีได้ยินซะอีก

ผมไม่ได้โกรธผู้ชายคนนี้นะครับ กลับรู้สึกชื่นชมซะด้วยซ้ำ

ผู้ชายคนนนี้เป็นคนดีครับ รักแฟน กล้วว่า้ถ้าไม่ได้เคียงข้างแฟน แล้วจะทำใ้ห้เกิดปัญหาชีวิตคู่

ผู้ชายคนนี้เป็นคนกล้าครับ กล้าที่จะแช่งคนอื่นต่อหน้าแฟน….. โดยไม่กลัวเสียภาพพจน์

ผมต่างหากที่ผิด ที่รีับไปธุระ

ผมต่างหากที่ผิด ดันเดินช้า แล้วขึ้นบันไดหลังคู่นี้

ผมต่างหากที่มีน้ำใจมากเกินไป เว้นที่ให้คนที่รีบเค้าเดินขึ้นไป

ผมต่างหากที่ผิด โรงเรียนดันสอนมาดีเิกิน ว่าเวลาขึ้นลงบันได ให้ยืนชิดซ้าย(หรือขวา)

ผมเป็นเผด็จการ เพราะดันคิดว่าคนอื่นเค้าจะคิดเหมือนผม

ผมต่างหากที่ไม่กล้า…. ไม่กล้าที่จะพูดว่าผมรีบ แล้วดันมาบ่นในบล็อกอีก



โอเค ผมยอมรับผิดครับ เป็นความผิดผมคนเดียว

แต่ผมขอได้มั้ยครับ เวลาเดินขึ้นบันได ไม่ต้องเคียงข้างกันตลอดเวลา

เปิดโอกาสให้ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า

รึถ้าคุณผู้หญิงอยากนำ ก็ยอมให้คุณผู้หญิงเป็นช้างเท้าหน้าก็ได้นะ

เอ๊ะ….หรือว่าสมัยนี้เค้าสิทธิเท่าเทียม  ชายหญิงต้องเดินพร้อมกัน

ถ้าอย่างนั้น ขอความกรุณางดใช้สิทธิดังกล่าว ขณะเดินขึ้นบันได ได้มั๊ยครับ

เพราะอาจมีคนอีกหลายคน ที่ชอบทำความผิดแบบผม จะได้รีบไป (ตาย 5) ไวๆ ซะที โดยที่ไม่ต้องรบกวนคำพูดอันล้ำค่าจากคุณอีก

โลกนี้จะได้เหลือแต่คนดีๆ อย่างคุณไงล่ะ

Posted in Dialy/blog | Tagged: , , | 1 Comment »

ข้อสังเกตจากระบบนิเวศ : สิ่งที่สังคมไทยไม่มีวันตระหนัก

Posted by suppasu on April 26, 2008

จริงๆ ว่าจะไม่เขียนเกี่ยวกับเรื่องราวสุดฮอตในปัจจุบันซะแล้ว แต่เมื่อวานอ่านข่าว นี้ ก็สังเกตอะไรบางอย่าง ก็เลยเอาซะหน่อย

สรุปคร่าวๆ จากลิงค์ที่ให้ข้างบน ระบบนิเวศจะมีประสิทธิภาพในการผลิตสูงสุด ก็ต่อเมื่อระบบนิเวศนั้นๆ มีความหลากหลายทางชีวภาพค่อนข้างสูง ตรงกันข้ามกับระบบที่ไม่มีความหลากหลาย ที่มีผลผลิตที่ต่ำกว่า และอาจถึงขั้นเสื่อมโทรมในที่สุด

อีกซักตัวอย่าง ข้อดีของการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ ก็คือ มีความหลากหลายทางพันธุกรรม เมื่อเทียบกับการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ และมันเป็นปัจจัยในการดำรงชีวิตรอดของสิ่งมีชีวิต

ผมไม่พูดถึงความเหมาะสมในเรื่องการยืนหรือไม่ยืน เพราะถือว่าคนที่กระทำก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำที่ตนเองได้ทำลงไป บางเรื่องถึงแม้เราจะไม่เห็นด้วย แต่สุภาษิตไทยยังคงใช้ได้อยู่เสมอ “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม”

แต่สิ่งที่ต้องพูดถึง คือการกระทำของคนอีกจำพวกมากกว่า เขาไม่มี ไม่มีสิทธิอะไรทั้งสิ้น ที่จะไปทำร้ายร่างกายผู้อื่น ถึงแม้ว่าสิ่งที่คนอื่นกระทำ จะเป็นการขัดกับความคิดของตัว เขาก็ไม่มีสิทธิที่จะทำอย่างนั้น และแน่นอน การทำร้ายร่างกายถือว่าผิดกฏหมายอย่างชัดเจน

การรักและเทิดทูนไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่การกระทำที่เกินพอดี ย่อมส่งผลเสียต่อระบบโดยรวม เมื่อไหร่ก็ตามที่เราใช้ความรู้สึก มากกว่าสติ หรือเหตุผล นั่นเป็นสัญญาณอันตราย เพราะในที่สุด การรักและเทิดทูนจนเกินพอดี ก็จะส่งผลเสียต่อบุคคลที่เรารักและเทิดทูนมากที่สุดนั่นเอง

เห็น reaction ของคนในสังคมแล้วก็น่าเป็นห่วง หลายคนอาฆาตหมายมั่นปั้นมือ หลายคนแจกจ่ายรูปถ่ายพร้อมประวัติของผู้ที่ไม่มีความคิดตรงกับตัว โดยหวังที่จะอาศัยสังคมที่เห็นด้วยกับตัว ในการกดดัน, ขับไส, ต่อต้าน ผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากตัว หลายคนไม่ยอมรับในความเห็นที่แตกต่างนั้น หลายคนแบ่งเป็นฝ่ายๆ คิดไม่เหมือนพวกกูคือสิ่งผิด คิดไม่เหมือนพวกกูคืออาชญากร ในสังคมไทย เราสามารถยกตัวอย่างของการไม่ยอมรับในความคิดที่แตกต่างได้มากมาย มากซะจนเขียนเป็นวันๆ ก็ไม่จบ

สิ่งที่สังคมไทยขาดไปในตอนนี้คืออะไร ? สิ่งที่เราต้องการไม่ใช่สังคมที่มีความคิดเหมือนกันหมดทั้งสังคม การยอมรับในความคิดเห็นที่แตกต่างถือเป็นจุดเริ่ม ถือเป็นความจำเป็นที่จะสร้างสังคมให้อยู่รอดต่อไป สังคมใดก็ตามที่ไม่ยอมรับความแตกต่างในความคิด ขาดวัฒนธรรมการวิพากษ์ เป็นสังคมแห่งความแบ่งฝ่าย ไม่ใช่พวกกู ก็ต้องเป็นพวกมัน สังคมที่ไม่มีพื้นที่ว่างให้กัับคนที่คิดแตกต่าง สังคมนั้นย่อมไม่ทานทนต่อกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลง จริงอยู่ สังคมลักษณะนี้อาจต้านทานความเปลี่ยนแปลงได้ในระดับหนึ่ง แต่หากความเปลี่ยนแปลงนั้นถาโถม เกินกว่าที่ความคิดเห็นแต่เพียงข้างเดียวจะตามทัน ในที่สุดสังคมนั้นก็จะตายและสูญสลายออกไปจากระบบ

เราจะเปลี่ยนแปลงสังคมที่เป็นอยู่นี้ได้อยางไร ? การศึกษาจะช่วยสิ่งนี้ได้จริงหรือ ? ในเมื่อผู้สอนก็ยังยึดติดอยู่กับความคิดตัว ในเมื่อสังคมรอบข้างยังเป็นเช่นนี้อยู่ ในเมื่อผู้ที่คิดเห็นแตกต่าง ถูกผลักจนไปติดขอบของสังคม หรือเราจะต้องรอให้สังคมเราเกิดวิกฤติ เหมือนในประวัติศาสตร์ที่ผ่านๆ มา ? ถ้าหากเราเพียงแต่ยอมรับความแตกต่างในความคิดได้ ? หรือความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่มีวันเกิดขึ้นได้เลย เพราะ “ที่นี่ประเทศไทย”

บล็อกนี้มีเครื่องหมายคำถามค่อนข้างมาก เป็นคำถามที่รอคำตอบ และอาจจะต้องรอคำตอบไปจนชั่วนิรันดร์ รอไปจนกว่าสังคมที่เราอยู่จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

Posted in ถังความคิด | Tagged: , | 1 Comment »